12 เทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่มาแรงในปี 2022 โดย Gartner

03 พ.ย. 2564

Gartner คาดการณ์ว่าเทรนด์เทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มจำนวนธุรกิจดิจิทัลและนวัตกรรมใหม่ ๆ ในอีก 3-5 ปีข้างหน้ามี 12 เทรนด์ ดังต่อไปนี้

1.Data Fabric

ช่วยให้การบูรณาการ (Integration) แหล่งข้อมูลจากหลากหลายแพลตฟอร์ม หลากหลายผู้ใช้ เป็นไปอย่างยืดหยุ่นและคล่องตัว ทำให้ข้อมูลปรากฎอยู่ในทุกที่ที่ต้องการ โดย Data Fabric จะใช้การวิเคราะห์ (Analytics) เพื่อเรียนรู้และประมวลผลว่าข้อมูลควรถูกนำไปใช้ที่ใด ซึ่งกระบวนการดังกล่าวนี้สามารถช่วยลดกำลังในการจัดการข้อมูลได้ถึง 70% 

2.Cybersecurity Mesh

สถาปัตยกรรมยืดหยุ่นได้ ที่บูรณาการระบบรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ที่กระจายตัวอยู่เข้าด้วยกัน เทคโนโลยี Cybersecurity Mesh ทำให้โซลูชันรักษาความปลอดภัยแบบดีที่สุด (Best-of-Breed) และโซลูชันแบบ stand-alone ทำงานร่วมกัน เพื่อปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยโดยรวม เทคโนโลยีนี้สามารถตรวจสอบข้อมูลจากทั้งภายในและภายนอกสภาพแวดล้อมคลาวด์ได้อย่างรวดเร็วและน่าเชื่อถือ

3.Privacy-Enhancing Computation

เทคโนโลยีที่ช่วยรักษาความปลอดภัยในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง และมีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากกฎหมายความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลที่เคร่งครัดขึ้น และความกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูลที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผู้ใช้งาน เทคโนโลยี Privacy-Enhancing Computation ช่วยให้การดึงข้อมูลเป็นไปอย่างปลอดภัยภายใต้ข้อกำหนด โดยใช้เทคนิคการปกป้องความเป็นส่วนตัวหลากหลายรูปแบบ

4.Cloud-Native Platforms

เทคโนโลยีที่ช่วยให้นักพัฒนาสร้างสถาปัตยกรรมแอปพลิเคชันที่มีความยืดหยุ่นขึ้นมาได้ และทำให้นักพัฒนาสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดย Cloud-Native Platforms เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาแนวทาง Lift-and-Shift ในการย้ายสู่ระบบคลาวด์แบบเดิม ซึ่งมีจุดอ่อน คือ ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากระบบคลาวด์อย่างเต็มที่และมีขั้นตอนการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก

5.Composable Applications

แอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นมาจากองค์ประกอบโมดูลาร์ที่มีธุรกิจเป็นศูนย์กลาง (Business-centric modular components) ช่วยให้การใช้โค้ดและการนำกลับมาใช้ซ้ำเป็นไปอย่างง่ายดาย และช่วยเร่งให้โซลูชันซอฟต์แวร์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดอย่างรวดเร็วและนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับองค์กร

6.Decision Intelligence

แนวทางปฏิบัติเพื่อปรับปรุงการตัดสินใจภายในองค์กร โดยมองการตัดสินใจแต่ละครั้งเป็นชุดของกระบวนการต่าง ๆ และใช้ Intelligence ควบคู่กับ Analytics ในการสื่อสาร การเรียนรู้ และกลั่นกรองการตัดสินใจ เทคโนโลยี Decision Intelligence ช่วยให้มนุษย์ตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น และมีแนวโน้มว่ามันจะทำงานได้อัตโนมัติผ่านตัวช่วยอื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ขั้นสูง (Augmented analytics) การจำลอง (Simulations) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) อีกด้วย

7.Hyperautomation

แนวทางขับเคลื่อนธุรกิจแบบอัตโนมัติ ช่วยให้กระบวนการทางธุรกิจและกระบวนการไอทีดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ อีกทั้งยังรองรับการปรับขนาด การดำเนินงานจากระยะไกล และการสร้างโมเดลธุรกิจใหม่อีกด้วย

8.AI Engineering

ทำหน้าที่อัปเดตข้อมูล โมเดล และแอปพลิเคชันอัตโนมัติ เพื่อให้เทคโนโลยี AI Delivery ทำงานอย่างคล่องตัว เมื่อควบรวมกับการกำกับดูแลที่เข้มงวด AI Engineering ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการพัฒนา AI ที่จะช่วยสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

9.Distributed Enterprise

สะท้อนโมเดลธุรกิจที่เน้นกลยุทธ์ Digital-First และ Remote-First เข้ามาช่วยให้การทำงานของพนักงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และยังปรับเปลี่ยนการติดต่อลูกค้าและพาร์ตเนอร์ ตลอดจนสร้างประสบการณ์ผลิตภัณฑ์ (Product Experiences) ให้เป็นดิจิทัลอีกด้วย โดยเทคโนโลยี Distributed Enterprises ได้มาช่วยตอบโจทย์เหล่าพนักงานที่ทำงานจากทางไกล และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการเสมือนจริง (Virtual services) และการทำงานแบบไฮบริดได้เป็นอย่างดี

10.Total Experience

กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ผสมผสานประสบการณ์จากหลายกลุ่มคนเข้าด้วยกัน เช่น ประสบการณ์จากพนักงาน ลูกค้า ผู้ใช้งาน ตลอดจนประสบการณ์อื่น ๆ ผ่านจุดเชื่อมโยงที่หลากหลาย โดยมีจุดประสงค์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต เทคโนโลยี Total Experience จะช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า พนักงาน และผู้ใช้บริการ ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้ได้รับความพึงพอใจ เกิดเป็นความภักดีและการสนับสนุนจากการบริหารจัดการประสบการณ์แบบองค์รวม

11.Autonomic Systems

ระบบอัตโนมัติ อาจเป็นระบบฮาร์ดแวร์ หรือระบบซอฟต์แวร์ ที่เรียนรู้จากสภาพแวดล้อม และปรับเปลี่ยนอัลกอริธึมของตัวเองอย่างฉับพลัน เพื่อปรับตัวให้เหมาะสมกับระบบนิเวศที่ซับซ้อน นอกจากนี้  Autonomic Systems ยังสามารถสร้างชุดเทคโนโลยีที่คล่องตัวและสามารถรองรับความต้องการใหม่ ๆ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และป้องกันการโจมตีได้ด้วย

12.Generative AI

เทคโนโลยีที่เรียนรู้สิ่งประดิษฐ์จากข้อมูล และสร้างสรรค์ออกมาเป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับสิ่งประดิษฐ์ต้นแบบ เทคโนโลยี Generative AI มีความสามารถในการสร้างคอนเทนต์รูปแบบใหม่และมีความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ยังช่วยร่นระยะเวลาการวิจัยและพัฒนาในหลายวงการ ตั้งแต่วงการการแพทย์ จนถึงวงการการผลิตอีกด้วย

เทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลได้อย่างไร

เทรนด์เทคโนโลยีแต่ละเทรนด์ที่กล่าวมาข้างต้น จะให้ผลลัพธ์ ดังต่อไปนี้

  • สร้างความเชื่อมั่นในเชิงวิศวกรรม (Engineering Trust)

เทคโนโลยีกลุ่มนี้มีความยืดหยุ่น และมีพื้นฐานด้านไอทีที่มีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกบูรณาการและประมวลผลอย่างปลอดภัย ทั้งภายในและภายนอกระบบคลาวด์ เพื่อส่งมอบพื้นฐานด้านไอทีที่คุ้มค่า อีกทั้งยังปรับขนาดตามต้องการได้อีกด้วย

  • ริเริ่มให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (Sculpting Change)

เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมาได้เร็วขึ้น ซึ่งแอปพลิเคชันนี้สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจกรรมทางธุรกิจ การเพิ่มประสิทธิภาพปัญญาประดิษฐ์ ตลอดจนการช่วยให้เราตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

  • เร่งให้ธุรกิจเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว (Accelerating Growth)

เทคโนโลยีกลุ่มที่ช่วยให้ธุรกิจชิงส่วนแบ่งการตลาดไปได้ เทรนด์เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างคุณค่าได้อย่างสูงที่สุด อีกทั้งยังเพิ่มขีดความสามารถด้านดิจิทัลให้องค์กรนั้น ๆ ด้วย

ที่มา: https://www.gartner.com/en/information-technology/insights/top-technology-trends

ก่อนหน้า

ถัดไป