รู้จัก Metaverse, NFT และเทคโนโลยีน่าจับตามองแห่งปี 2022

ปี 2022 ยังคงเป็นอีกปีแห่งนวัตกรรมอุบัติใหม่ที่ทำให้มีคีย์เวิร์ดเกิดใหม่มากมายในวงการเทคโนโลยีจนใครหลายๆ คนตามแทบไม่ทัน ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “Metaverse”, “Blockchain” หรือ “NFT” แต่คำบัญญัติใหม่เหล่านี้ก็ไม่ได้ยากเกินกว่าจะเรียนรู้ บทความนี้จึงขอพาทุกท่านไปรู้จักทำความคุ้นเคยกับศัพท์ใหม่ที่จะกลายเป็นที่พูดถึงในโลกแห่งอนาคตอันใกล้นี้

Metaverse

“Metaverse” กลับมากลายเป็นกระแสอีกครั้งภายหลังจากที่ Mark Zuckerberg เผยชื่อใหม่ของบริษัท Facebook เป็น Meta และเปิดตัวแนวคิดโลกเสมือนที่จะกลายมาเป็นพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตได้จากทุกที่ ในรูปแบบอวตาร 3 มิติ (3D Avatar) ผ่านอุปกรณ์สวมศีรษะ VR, แว่น AR, สมาร์ตโฟน หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่จะทำให้ผู้คนมีปฏิสัมพันธ์เสมือนอยู่ตรงหน้าได้แม้จะอยู่ห่างไกลกันหลายกิโลเมตร เรียกได้ว่า Metaverse จะเข้ามาปฏิวัติรูปแบบการทำงานและการเข้าสังคมในภายภาคหน้า โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องระยะทางอีกต่อไป

Virtual reality

Virtual reality (VR) หรือ “ความจริงเสมือน” เป็นคำเฉพาะสำหรับพื้นที่ดิจิทัลทั้งหมดที่เข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์สวมศีรษะซึ่งใช้เลนส์พิเศษ กล้อง และตัวควบคุมการเคลื่อนไหวในการพาคุณเข้าไปสู่โลกเสมือนที่ทุกอย่างดูสมจริง ซึ่ง VR ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เล่นเกมอย่างที่เข้าใจกันเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นตัวกลางพาคุณไปยังสถานที่จำลองต่างๆ ที่สร้างขึ้นบนโลก VR จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Metaverse โดยตรง และเราอาจจะได้ใช้เวลาใน VR มากกว่าเดิมก็เป็นได้

Augmented reality

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ VR ก็คือ Augmented reality (AR) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเสริมความจริงด้วยการวางวัตถุดิจิทัลบนพื้นที่กายภาพ โดยมองผ่านจอมือถือหรือแว่น AR เพื่อให้ความรู้สึกเสมือนว่าวัตถุนั้นมีอยู่จริง ตัวอย่างเช่น ในช่วงปี 2016 ที่คนทั้งโลกต่างฮิตจับโปเกมอนตามสถานที่ต่าง ๆ ในเกม Pokémon Go หรืออย่างฟิลเตอร์ AR แต่งภาพบน Instagram หรือ Snapchat และแน่นอนว่า AR ยังนำมาใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก เช่น การแต่งบ้านโดยจำลองนำเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ มาลองวางในห้องให้เห็นภาพ หรือการใช้ AR หาเส้นเลือดเพื่อฉีดยา เป็นต้น

Mixed reality

Mixed reality (XR) เป็นการผสมผสานกันระหว่าง AR และ VR ที่จะพาคุณไปสู่โลก VR แต่ก็ยังคงเห็นสิ่งรอบตัวอยู่ โดยไม่ได้ตัดขาดจากโลกจริงเสียทีเดียวเหมือนอย่าง VR ในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบจับวัตถุเสมือนในโลก VR ได้ อุปกรณ์สวมศีรษะ XR จะทำให้เราสามารถมีปฏิสัมพันธ์ในโลกเสมือนได้บนพื้นที่โลกจริง เช่น การไปทำงานหรือช็อปปิ้ง และนั่นยิ่งทำให้เราเข้าใกล้ Metaverse ไปอีกขั้น

Blockchain

“บล็อกเชน” เปรียบเสมือนรายการเดินบัญชีแยกประเภทสาธารณะเสมือนแบบกระจายศูนย์ที่ใช้บันทึกข้อมูลสินทรัพย์ต่างๆ ว่าใครเป็นเจ้าของ มีการซื้อขายสินทรัพย์กันอย่างไรบ้าง สามารถติดตามตรวจสอบได้อย่างโปร่งใส และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ง่ายๆ หากมีผู้ไม่ประสงค์ดีต้องการจะใส่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าไป ด้วยคุณสมบัติแบบกระจายศูนย์นั้นทำให้ไม่มีผู้ใดหรือหน่วยงานใดสามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งหมดแต่ผู้เดียว เช่นเดียวกับคริปโทเคอเรนซี (Cryptocurrency) ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลไร้ศูนย์กลางที่มีการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนอยู่เบื้องหลัง ทำให้สามารถติดตามธุรกรรมต่างๆ ได้อย่างโปร่งใสนั่นเอง

NFT

NFT ย่อมาจาก Non-Fungible Token เปรียบเสมือนอีกสกุลหนึ่งของคริปโทเคอเรนซีที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผู้ที่เป็นเจ้าของเท่านั้น ทำให้แต่ละ NFT นั้นแตกต่างกันไปและไม่สามารถทดแทนกันได้ ส่งผลให้ NFT แต่ละชิ้นมีมูลค่าไม่เท่ากัน หลายคนต่างก็เริ่มใช้งาน NFT กันในหลากหลายรูปแบบแล้ว ทว่ารูปแบบของ NFT ที่นิยมสูงสุดอยู่ในขณะนี้คือ “ภาพงานศิลปะดิจิทัล” ซึ่งสำหรับบางคนแล้ว ไม่ได้ซื้อเพราะมีรสนิยมชื่นชมงานศิลปะในฐานะของสะสม หากแต่หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป NFT ที่ซื้อมาเก็บไว้นั้นจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นและสามารถขายต่อไปในราคาที่สูงขึ้นในอนาคตได้

Lossless audio

ถอยออกจากโลก VR มาสู่การฟังเพลงกันบ้าง ลองนึกถึงการฟังเพลงผ่าน Spotify หรือไฟล์เสียงบีบอัด MP3 ก็คงไม่ได้อรรถรสและคุณภาพเสียงเท่าการฟังเพลงจากแผ่นเพลงดั้งเดิม เนื่องด้วยขนาดไฟล์ที่ลดลงและข้อมูลที่สูญหายไปทำให้คุณภาพเสียงด้อยลงมา นั่นจึงเป็นที่มาของรูปแบบไฟล์เสียง Lossless audio เช่น FLAC (Free Lossless Audio Codec) ที่ยังคงไว้ซื่งข้อมูลและคุณภาพเสียงเพลงชั้นเยี่ยม โดยล่าสุดเมื่อปี 2021 ทั้ง Apple Music และ Spotify ก็ได้ออกมาประกาศว่าจะรองรับ Lossless audio ซึ่งจะทำให้ไฟล์เสียงรูปแบบดังกล่าวเข้ามาเป็นกระแสหลักในไม่ช้า ด้วยคุณภาพที่อาจต้องแลกมากับราคาที่จ่ายเพิ่มขึ้นด้วย

ที่มา: https://sea.mashable.com/tech/18954/make-sense-of-the-metaverse-and-nfts-with-this-guide-to-2022-tech